ครูชื่่อ "งู"

ครูชื่่อ "งู" ครูชื่่อ "งู"

ครั้งบวชใหม่ๆ ได้ประมาณ ๓ พรรษาไปหาที่วิเวกที่ภาคใต้บ้าง เพราะในใจคิดเอาไว้ว่าจะธุดงค์ไปให้ทั่วทุกภาค การไปนั้นส่วนใหญ่ไม่มีจะหมายว่าจะไปที่ใดสุ่มๆ ไป พบเจอ
พระบ้าง โยมบ้างก็พูดคุยสอบถามหาเอา จนกระทั่งไปถึงจังหวัดสตูล อำเภอละงู ชื่อถนนชื่อหมู่บ้านจำไม่ได้แล้ว มันไม่น่าจำเพราะกันดาร ถนนยังเป็นฝุ่นนานๆ มีรถวิ่งผ่านก็
ต้องอุดจมูกหลบฝุ่น ค่ำที่ไหนก็พักที่นั่น บ้านผู้คนมีห่างๆ ชาวสวนยางพาราทั้งนั้น ไปจนถึง "ถ้ำระฆังทอง" ซึ่งป็นชื่อเรียกกันเอาเอง ไม่มีทางการเข้ไปดูแลอะไร พอไปถึงก็หาที่
กางกลด เลือกเอาในถ้ำชอบเงียบๆ พักคืนแรกปกติตี

วันรุ่งขึ้นพักหายหนื่อยแล้วก็เดิน-ปีนขึ้นไปสำรวจถ้ำชั้นบน แสงสว่างเข้าไม่ถึง มืดต้องใช้เทียนส่องทาง ถือเทียนด้วย อีกมือก็คอยจับคอยยันพอถึงชั้นบนจะเป็นที่กว้างและพื้นราบหน่อย มีห้องโถงโล่งเป็นล็อก ๓-๔ ห้อง แต่ละห้องมันลดหลั่นกัน เดินลงบ้างขึ้นบ้างเป็นปล่องถึงกันขนาดกว้างตรงปล่องประมาณ ๑ เมตร ปรกฎว่าขณะที่กำลังเพลิดเพลินจากห้องแรกจะไปห้องต่อไป ยืนอยู่ตรงปล่องพอดี ... เทียนดับพรึ๊บ ! มืดอยู่กับที่ มีลมพัดมาดังวู่ๆ ๆ ล้วงไม้ขีดจะจุดเทียน จุดไม่ได้ซิ ลมมันพัดนี่ จิตหนึ่งคิดว่าเสียงงูเลื้อยกับเสียงลมนึ่ดังเหมือนกันนะ ไม่ใช่หรอกเพราะมันมีลมกระทบอยู่นี่ เออ ! แล้วถ้างูมันมานี่จะทำยังไง มีดอย่างนี้ไม่รู้จะหนีไปทางไหน ! แล้วขณะนี้ก็ยืนอยู่ระหว่างปล่องแคบๆ อยู่พอดี ถ้างูมาก็ชนกันล่ะชิ ไม่มีอะไรป้องกันตัวซักอย่าง

...

อ้าว ! ถ้ามีไม้มีมีดจะตีจะทุบได้หรือ ? เออ ! ถึงมีก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ผิดศีล ! ขณะพี่จิตคิดอยู่นั้น สายตาเริ่มปรับแสงได้บ้าง ดีใจว่าพอมองเห็น ก็เลยเพ่งไปที่พื้นด้านหน้า เห็นแสงสะท้อนเข้าตาแว็บๆ สัญชาตญาณเพ่งย้ำเป็นอัตโนมัติ "งู" ใหญ่ด้วยเพราะสะท้อนยาวเป็นวา มือจับก้านไม้ขีดจะกระแทกจุดเทียน ไม่ได้ ! ถ้ามีเสียงดังมันจะพุ่งเข้าใส่เลยนะ แล้วจะเอายังไง ! แผ่เมตตาเผื่อมันจะถอยหลัง ไม่ถอย ! สวดอิติปิโสฯ เอาคุณพระรัตนตรัยเข้าช่วย ไม่ถอย ! แผ่มตตายาว อิมินา ปุญญะก้มเมนะฯ ไม่ถอย ! หมดมนต์ภาษาบาลี เอาภาษาไทยบ้าง


งูเอ๊ย ! ถ้าเราไม่เคยจองเวรจองกรรมกันมาละก็...อย่าได้ทำร้ายกันเลยนะ ฉันน่ะไม่คิดทำร้ายแกเลย คิดไว้ก่อนจะเห็นแกอีก ด้วยสัจจะคำจริง แกก็อย่ากัดฉันนะ บาปนะ ! กัดพระน่ะ ... พระมาธุดงค์ มาดี มาหาบุญหากุศล ไม่คิดจะเบียดเบียนใคร ทิ้งบ้าน ทิ้งเมืองมาบวช บวชด้วยความเต็มใจ ไม่มีใครอ้อนวอนแนะนำ เข้าป่ามาดงก็ตั้งใจมาเอง .... ไม่ใช่เก่งกล้าท้าทายใครหรอกนะ บางครั้งจิตปรุงแต่งก็นึกกลัว พอกลัวขึ้นมาก็ไม่หลับไม่นอนหรอก สวดมนต์บ้าง ภาวนาบ้าง แผ่เมตตาแล้วแผ่เมตตาอีก หวังจะเอาภูตเอาผีบ้ง เอาเทพยดาบ้างให้ดูแลรักษา ตั้งแต่บวชมาเราไม่เคยคิดที่จะเบียดเบียนใครๆ เลย ด้วยบุญกุศลจากการบวชของพระนี้ ขอยกผลบุญให้เธอด้วย เอาบุญไปนะ"

...

ไม่รู้ว่าความคิดมันแล่นมาจากไหนนักหนา ... งูไม่ถอย เลื้อยมาใกล้เท้าแล้ว ห่างกันคืบเดียว มาช้ามากเหมือนระวังตัวเหมือนกัน คงได้กลิ่นสาบมนุษย์ ถึงเท้า ! ยกหัวขึ้นมอง โอ๊ย ! พระนิ่งเย็นเฉี๊ยบ บรรยายไม่ถูกหรอก ลดหัวลง ! หลบตัวเลื้อยหลีกเท้าไปทางขวา ค่อยๆ ลากตัวผ่านเท้าพระไป พอพ้นเท้าแสงสะท้อนก็หายไปอย่างรวดเร็ว "งูผ่านไปนานแล้ว แต่ทิ้งสิ่งต่างๆ ไว้ให้เป็นการบ้านกับพระมากมาย ทำไม ๆ ๆ ๆ ๆ ในที่สุดก็ต้องบอกตนเองว่า ช่างมันเฮอะ ! "

ที่มา : จากหนังสือที่พึ่งหนึ่งเดียว